สั่งของบิ๊กซีออนไลน์
สถานะคำสั่งซื้อ

เข้าสู่ระบบ

หรือ สมัครสมาชิก

เริ่มใช้งานบิ๊กพอยต์

ข้อกำหนดและเงื่อนไขการให้บริการแอป Big C PLUS 

เงื่อนไขการให้บริการแอป Big C PLUS ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “เงื่อนไขการให้บริการ” รวมถึงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อตกลงระหว่าง บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัท” ฝ่ายหนึ่ง กับ ผู้ใช้บริการที่มีการใช้บริการแอป Big C PLUS ซึ่งต่อไปจะเรียกว่า “ผู้ใช้บริการ” อีกฝ่ายหนึ่ง ก่อนที่ผู้ใช้บริการจะใช้บริการแอป Big C PLUS กรุณาอ่านข้อกำหนดและเงื่อนไขฉบับนี้ให้เข้าใจ หากผู้ใช้บริการตกลงและใช้บริการนี้ บิ๊กซีจะถือว่าผู้ใช้บริการได้อ่านเข้าใจ และตกลงยอมรับปฏิบัติตามข้อกำหนด และเงื่อนไขฉบับนี้ทุกประการ 

1. คำนิยาม 

     1.1 แอป Big C PLUS คือซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงได้ผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ซึ่งทำหน้าที่เป็นช่องทางสำหรับผู้ใช้บริการในการใช้บริการต่างๆที่มีอยู่ในแอป Big C PLUS ทั้งบริการสมาชิกบิ๊กพอยต์ บิ๊กวอลเล็ท และบิ๊กซีออนไลน์ ที่บริษัทนำเสนอในซอฟต์แวร์ประยุกต์ดังกล่าว ทั้งนี้สมาชิกสามารถดาวน์โหลดแอป Big C PLUS ไว้ในหลายอุปกรณ์ได้แต่ไม่สามารถใช้งานแอป Big C PLUS หลายอุปกรณ์ในเวลาเดียวกันได้ 

 1.2 ผู้ใช้บริการ คือผู้ที่เข้าใช้งานแอป Big C PLUS หรือผู้ที่ทำการลงทะเบียน/เข้าสู่ระบบสมาชิกบิ๊กซีออนไลน์ และ/หรือทำการเชื่อมโยงบัญชีแอป Big C PLUS เข้ากับบิ๊กพอยต์ และบัญชีบิ๊กวอลเล็ท 

 1.3 โทรศัพท์สมาร์ทโฟน หมายถึงโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นใดที่สมาชิกใช้เป็นช่องทางในการเข้าใช้งานแอป Big C PLUS ได้ โดยอุปกรณ์ดังกล่าวอาจใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ไอโอเอส (IOS) หรือระบบปฏิบัติการอื่นๆที่รองรับการใช้งานแอป Big C PLUS 

 1.4 บริการแอป Big C PLUS คือ บริการที่บริษัทจัดให้แก่ผู้ใช้บริการ สำหรับบริการต่างๆ ดังนี้ 

  1.4.1. บริการสมาชิกพอยต์ ซึ่งประกอบด้วย 

   - การสมัครสมาชิกบิ๊กพอยต์ 

   - การตรวจสอบคะแนนบิ๊กพอยต์ 

   - การสะสม และแลกคะแนนบิ๊กพอยต์เพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ 

  1.4.2. บริการบิ๊กวอลเล็ท 

  1.4.3. การซื้อสินค้า ผ่านบริการบิ๊กซีออนไลน์ 

2. ข้อกําหนดทั่วไป 

     2.1 ผู้ใช้บริการตกลงที่จะปฏิบัติและผูกพันตามข้อกำหนดและเงื่อนไขการให้บริการ ซึ่งการที่ผู้ใช้บริการได้ใช้บริการแอป Big C PLUS ถือเป็นการยอมรับเงื่อนไขการให้บริการนี้ ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการรับทราบว่าบริษัทอาจแก้ไขหรือเพิ่มเติมเงื่อนไขการให้บริการได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า และการที่ผู้ใช้บริการใช้บริการแอป Big C PLUS ต่อไปภายหลังจากที่มีการแก้ไขหรือเพิ่มเติมดังกล่าวถือว่าผู้ใช้บริการได้ยอมรับการแก้ไขหรือเพิ่มเติมเงื่อนไขการให้บริการนั้น 

 2.2 ลักษณะการให้บริการ คุณลักษณะใหม่ที่บริษัทได้ทำการเพิ่มเติม ปรับปรุง หรือแก้ไขการให้บริการ ให้ถือว่าอยู่ภายใต้เงื่อนไขการให้บริการฉบับนี้ทั้งสิ้นเว้นแต่จะได้มีการแจ้งหรือกําหนดไว้เป็นอย่างอื่น 

 2.3 ผู้ใช้บริการตกลงให้บริษัทมีสิทธิปรับปรุงหรือยกเลิกการให้บริการหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของบริการไม่ว่าจะเป็นการชั่วคราวหรือตลอดไปได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า 

3. การใช้บริการแอป Big C PLUS 

    3.1 ผู้ใช้บริการที่มีความประสงค์จะทำธุรกรรมใดๆ บนแอป Big C PLUS จำเป็นต้องเข้าสู่ระบบสมาชิกบิ๊กซีออนไลน์ของบริษัทก่อน 

 3.2 ในการใช้บริการครั้งแรก ผู้ใช้บริการจะต้องทำการเข้าระบบแอป Big C PLUS ด้วยเบอร์โทรศัพท์ และยืนยันตัวตนผ่าน OTP (one-time password) หรือรหัสผ่าน (password)  

 3.3 กรณียังไม่ได้เป็นสมาชิกบิ๊กซีออนไลน์ ผู้ใช้บริการจะต้องสมัครและลงทะเบียนตามที่บริษัทกำหนด หรือที่จะกำหนดต่อไปในอนาคต โดยต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้องเป็นจริง และเป็นข้อมูลปัจจุบันของผู้ใช้บริการ และหากผู้ใช้บริการมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่ได้ให้ไว้กับบริษัท ผู้ใช้บริการต้องดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันเสมอ และผู้ใช้บริการตกลงแสดงหลักฐานเพื่อยืนยันความถูกต้องของข้อมูลให้แก่บริษัทเมื่อมีการร้องขอ รวมทั้งผู้ใช้บริการต้องกำหนดรหัสผ่าน (Password) ซึ่งต่อไปจะเรียกว่า “รหัสผ่าน” เพื่อใช้ในการเข้าระบบแอป Big C PLUS และการทำรายการต่างๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการใช้บริการ โดยผู้ใช้บริการสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงรหัสผ่านนี้ได้เองตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของบริษัท 

 หากผู้ใช้บริการไม่ดำเนินการลงทะเบียน หรือไม่แสดงหลักฐานภายในระยะเวลาที่บริษัทกำหนด ผู้ใช้บริการยิมยอมให้บริษัทระงับการใช้บริการ หรืองดเว้นการทำธุรกรรมของผู้ใช้บริการชั่วคราว หรือดำเนินการอื่นใดจนกว่าผู้ใช้บริการจะลงทะเบียน และ/หรือแสดงหลักฐานข้อมูลครบถ้วนตามที่บริษัทกำหนด 

 ทั้งนี้ บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการเปิดใช้บริการ, การให้บริการ และ/หรือทำธุรกรรมกับผู้ใช้บริการที่ปกปิดชื่อจริง หรือใช้นามแฝง หรือผู้ใช้บริการที่บริษัทตรวจพบว่าข้อมูลที่ผู้ใช้บริการลงทะเบียนไว้ไม่ถูกต้องเป็นจริง 

 3.4 ผู้ใช้บริการต้องเก็บรักษารหัสผ่านนี้ไว้เป็นความลับเฉพาะตัวของผู้ใช้บริการเท่านั้น ผู้ใช้บริการยอมรับว่าหากมีการทำรายการใดๆ โดยใช้รหัสผ่านของผู้ใช้บริการ ให้ถือเป็นการกระทำโดยตัวของผู้ใช้บริการเองทุกประการ โดยบริษัทไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายทีเกิดขึ้นจากการใช้บริการผ่านแอป Big C PLUS ภายใต้บัญชีของผู้ใช้บริการจากการใช้รหัสผ่านดังกล่าว 

 3.5 ในกรณีที่ผู้ใช้บริการใช้รหัสผ่านทำรายการใดๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการใช้บริการเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้ใช้บริการยอมรับว่าไม่สามารถยกเลิก เพิกถอน เปลี่ยนแปลง หรือ แก้ไขรายการดังกล่าวได้ และผู้ใช้บริการต้องผูกพันตามรายการดังกล่าวทุกประการ 

 3.6 ในกรณีที่ผู้ใช้บริการลืมรหัสผ่านหรือต้องการเปลี่ยนแปลงรหัสผ่าน ผู้ใช้บริการต้องดำเนินการเปลี่ยนแปลงรหัสผ่านในแอปพลิเคชั่นตามวิธีที่บริษัทกำหนด อย่างไรก็ตามการดำเนินการต่างๆข้างต้นจะไม่มีผลกระทบต่อการทำธุรกรรม หรือแลกรับสิทธิประโยชน์ใดๆ ที่ได้ดำเนินการไปแล้วก่อนการแจ้งให้บริษัททราบ 

 3.7 บริษัทจะให้บริการอย่างดีที่สุดเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับบริการที่พึงพอใจ ดังนั้น หากการให้บริการใดๆ ของบริษัทเกิดความผิดพลาด ล่าช้า ไม่ว่าเกิดขึ้นจากระบบคอมพิวเตอร์ ระบบอินเตอร์เน็ต อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ หรือระบบอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการนี้ รวมทั้งระบบเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ และไม่ว่าจะเกิดจากเหตุใดๆ ผู้ใช้บริการตกลงไม่ยกเอาเหตุขัดข้องดังกล่าวมาเป็นข้อเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ หรือค่าใช้จ่ายใดๆ จากบริษัท 

 3.8 บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญหาย และ/หรือความเสียหาย ไม่ว่าจะโดยทางตรง หรือโดยทางอ้อม อันเกิดขึ้น กับข้อมูลในโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรืออุปกรณ์อื่นใดอันเป็นผลมาจากการใช้บริการนี้ 

3.9 ในกรณีที่ผู้ใช้บริการประสงค์จะลบบัญชีสมาชิกบิ๊กซี ออนไลน์ ผู้ใช้บริการสามารถดำเนินการด้วยตนเองผ่านช่องทางแอป Big C PLUS หรือช่องทางอื่นใดที่บริษัทกำหนดไว้ โดยปฏิบัติตามวิธีการขั้นตอนที่บริษัทกำหนด ทั้งนี้ การยกเลิกบัญชีสมาชิกบิ๊กซีออนไลน์ของผู้ใช้บริการจะไม่กระทบต่อสถานะการเป็นสมาชิกบิ๊กพอยต์และบิ๊กวอลเล็ทของผู้ใช้บริการ

    

4. การยกเลิกการใช้บริการแอป Big C PLUS การระงับการให้บริการแอป Big C PLUS 

     4.1 ในกรณีที่ผู้ใช้บริการประสงค์จะยกเลิกการใช้บริการแอป Big C PLUS ผู้ใช้บริการต้องแจ้งความประสงค์ด้วยตนเองผ่านช่องทางบิ๊กซี Call center โทร. 1756 หรือช่องทางอื่นใดที่บริษัทกำหนดไว้ และต้องปฏิบัติตามวิธีการขั้นตอนที่บริษัทกำหนด 

 4.2 บริษัทสงวนสิทธิ์ยกเลิกการให้บริการแอป Big C PLUS และบริการทั้งหมดที่มีในแอป Big C PLUS ชั่วคราวหรือถาวร หรือระงับการให้บริการโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการ ทราบล่วงหน้า ในกรณีดังต่อไปนี้ 

  4.2.1. ผู้ใช้บริการใช้เอกสารปลอม หรือแสดงข้อความอันเป็นเท็จในการลงทะเบียนสมัครขอใช้บริการ รวมถึงการแจ้งข้อมูล หรือแสดงเอกสารหลักฐานอันเป็นเท็จ หรือแสดงเอกสารหลักฐานไม่ครบถ้วนตามที่บริษัทร้องขอ จนกว่าบริษัทจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน 

  4.2.2. ผู้ใช้บริการถึงแก่ความตาย 

  4.2.3. ผู้ใช้บริการเป็นบุคคลที่ราชการหรือหน่วยงานของรัฐมีคำสั่งให้ยึดหรืออายัด ทรัพย์สิน หรือเป็นบุคคลที่ถูกกำหนด หรือถูกกล่าวหา หรือถูกสงสัยว่าเป็นผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย 

  4.2.4. บริษัทมีเหตุสงสัยว่าผู้ใช้บริการกระทำความผิด หรือพยายามกระทำความผิดตามที่กฎหมายกำหนด หรือกระทำการใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายกับบริษัท หรือบุคคลอื่นใด 

5. คํารับรองของผู้ใช้บริการ 

    5.1 ผู้ใช้บริการรับรองว่ามีอายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์หรือผู้ใช้บริการได้รับความยินยอมตามกฎหมายในการผูกพันตามเงื่อนไขการให้บริการฉบับนี้ และผู้ใช้บริการเข้าใจดีว่าผู้ใช้บริการต้องรับผิดชอบต่อผลทางการเงิน หรือผลอื่นใดที่เกิดขึ้น หรืออาจเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการใช้บริการที่ผู้ใช้บริการเป็นผู้กระทำหรืออนุญาตให้บุคคลที่สาม ใช้ข้อมูลการลง ทะเบียน รหัสผ่าน หรือข้อมูลอื่นใดของผู้ใช้บริการ 

 5.2 ผู้ใช้บริการรับรองว่าจะไม่ใช้บริการนี้ในการทําธุรกรรมทางการเงินที่มีวัตถุประสงค์อันมิชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงการกระทำซึ่งมีลักษณะฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือละเมิดสิทธิทางทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น หรือเป็นการกระทำผิดกฎหมายอื่นใด ดังนั้น หากเกิดความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นแก่บริษัท หรือบริษัทถูกเรียกร้องให้ต้องรับผิดใดๆ จากการที่ผู้ใช้บริการทําธุรกรรมผ่านแอป Big C PLUS บริษัทมีสิทธิระงับหรือยกเลิกการให้บริการได้ทันที และผู้ใช้บริการจะต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัททุกประการ รวมทั้งผู้ใช้บริการตกลงให้บริษัทมีสิทธิระงับ และ/หรือยกเลิกการใช้บริการของผู้ใช้บริการ ทั้งนี้ บริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรับผิดชอบในความเสียหายทั้งหมดที่จะเกิดขึ้น 

 5.3 ผู้ใช้บริการรับรองว่าข้อมูลที่ให้แก่บริษัทในการใช้บริการแอป Big C PLUS และข้อมูลอื่นใดที่ผู้ใช้บริการ ส่งมอบให้แก่บริษัท เป็นข้อมูลที่ถูกต้องทุกประการ หากบริษัทตรวจพบว่าผู้ใช้บริการปลอมแปลงข้อมูลเอกสาร และ/หรือ สวมรอยเป็นบุคคลใดไม่ว่าบุคคลนั้น จะยินยอมหรือไม่ในการสมัครใช้บริการนี้ บริษัทสงวนสิทธิ์ระงับหรือยกเลิกการให้ บริการได้ทันทีและผู้ใช้บริการจะต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัททุกประการ (ถ้ามี) ทั้งนี้ไม่ว่าผู้ใช้บริการจะมีเจตนา ทุจริตหรือไม่ก็ตาม 

6. ช่องทางการติดต่อ และการแจ้งปัญหากรณีพบข้อผิดพลาดในแอป Big C PLUS 

   หากผู้ใช้บริการมีความประสงค์จะติดต่อสอบถามเพิ่มเติม หรือแจ้งข้อบกพร่อง ข้อแนะนำ หรือกรณีพบปัญหาอื่นๆ ผู้ใช้บริการสามารถติดต่อผ่านช่องทางบิ๊กซี Call center โทร. 1756 

7. การสงวนสิทธิ์ 

   บริษัทสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง แก้ไขเพิ่มเติม เงื่อนไขการใช้บริการข้อหนึ่งข้อใดหรือทั้งหมดได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ยกเว้นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ผู้ใช้บริการเสียประโยชน์ บริษัทจะแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรได้ที่เว็บไซต์บิ๊กซี ไม่น้อยกว่า 30 วัน ก่อนการเปลี่ยนแปลง 

  

หนังสือแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (สำหรับการใช้งานแอปพลิเคชั่น) 

บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล มีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้บริการและปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดการให้บริการแอปพลิเคชั่นของบริษัท (“การให้บริการ”) ตามรายละเอียดที่ปรากฏในข้อ 1 และ ข้อ 2 ด้านล่าง และเนื่องจากข้อมูลดังกล่าวของท่าน มีลักษณะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (“พ.ร.บ.”) เพื่อให้การดำเนินการที่เกี่ยวกับข้อมูลเหล่านี้เป็นไปตามข้อกำหนดของ พ.ร.บ. บริษัทจึงจัดทำเอกสารฉบับนี้ขึ้น เพื่อให้ท่านได้รับทราบและเข้าใจสิทธิของท่านตามกฎหมาย รวมทั้งเหตุผลที่บริษัทประสงค์จะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดอ่านโดยละเอียดและทำความเข้าใจเพื่อประโยชน์ในการใช้สิทธิใดๆ ของท่าน 

1. ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล ระยะเวลาในการเก็บรักษา และวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวโดยบริษัท 

เพื่อให้ท่านได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดจากการให้บริการ และเพื่อให้บริษัทสามารถให้บริการ แก่ท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ บริษัทประสงค์จะเก็บรวบรวม ใช้ และเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้ 

  • ข้อมูลที่เก็บรวบรวม 

Device ID, ชื่อผู้ใช้งาน (user name), ข้อมูลบัญชีผู้ใช้ Facebook (เช่น ชื่อและนามสกุลที่ปรากฏบน Facebook และอีเมล์ที่ใช้ลงทะเบียนผู้ใช้งานใน Facebook), ข้อมูลการติดต่อระหว่างผู้ใช้บริการและบริษัทที่อยู่ในรูปแบบ ข้อความภาพ ไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (ภาพและ/หรือเสียง หรือการแสดงผลประเภทอื่นใด), ข้อมูลการทำรายการ, ข้อมูลการตั้งค่าและข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานทาง แอปพลิเคชั่นตามที่จำเป็น 

  • วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคล: 

1.  เพื่อใช้ในการทำงาน และอำนวยความสะดวกในการใช้งาน แอปพลิเคชั่น รวมถึงเพื่อการแจ้งสิทธิประโยชน์ต่างๆ 

2.  เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูล และศึกษาพฤติกรรมของลูกค้า เพื่อการวิจัย การทำการตลาด กิจกรรมส่งเสริมการขาย และการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพในการให้บริการของบริษัท 

3.  การใช้สิทธิทางกฎหมายและการปฏิบัติการที่จำเป็นตามกฎหมายอันเกี่ยวข้องกับการให้บริการ 

4.  เพื่อการดูแลให้เกิดความปลอดภัยในการใช้บริการ และเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันการทุจริตและอาชญากรรม หรือการใช้บริการในทางมิชอบ 

  • ฐานความชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคล: 

จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาและ/หรือเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท

  • ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูล: 

ตลอดระยะเวลาการให้บริการ 

2. ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่จะมีการเปิดเผย เหตุผลความจำเป็นในการเปิดเผย และประเภทของบุคคลที่จะได้รับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล 

บริษัทประมวลผลข้อมูลซึ่งให้บริการด้านการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค เช่น Appsflyer, Google analytic, Facebook และ Google ad

  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่จะมีการเปิดเผย: 

Device id, Mobile no, User id., Email

  • เหตุผลความจำเป็นในการเปิดเผย: 

1.  เพื่อวัดผลการทำงาน และเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งาน  

2.  เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลและรูปแบบพฤติกรรมของผู้ใช้งานเพื่อใช้ในการทำการตลาด 

  • ฐานความชอบด้วยกฎหมายในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคล: 

จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาและ/หรือเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทและ/หรือฐานความยินยอม 

  • ประเภทของบุคคลที่จะได้รับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล: 

บริษัทประมวลผลข้อมูลซึ่งให้บริการด้านการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค เช่น Facebook, Google, และ Firebase 

3. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล 

โปรดทราบว่าท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น มีสิทธิที่ได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ตามรายละเอียดที่ดังนี้ 

(1) สิทธิในการขอถอนความยินยอม 

ในกรณีที่บริษัทมีการขอและได้รับความยินยอมจากท่านเพื่อเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิในการแจ้งขอถอนความยินยอมในการให้บริษัทใช้ข้อมูลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ 

(2) สิทธิในการขอเข้าถึงและรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทจัดเก็บไว้ 

ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้จัดเก็บไว้ได้ โดยเมื่อบริษัทได้รับแจ้งความประสงค์ในการใช้สิทธิดังกล่าวจากท่าน บริษัทจะพิจารณาคำขอของท่านเพื่อดำเนินการที่เหมาะสมต่อไปทั้งนี้ภายในไม่เกิน 30 (สามสิบ) วัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอดังกล่าว อย่างไรก็ตามบริษัทขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธคำขอใช้สิทธิดังกล่าวของท่าน หากเป็นการปฏิเสธตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล และการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น 

(3) สิทธิในการขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับจากแหล่งอื่น 

ในกรณีที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งอื่นซึ่งไม่ใช่จากท่านโดยตรง หากบริษัทจะใช้ข้อมูลดังกล่าวบริษัทจะดำเนินการแจ้งให้ท่านทราบภายใน 30 (สามสิบ) วันนับจากวันที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว (เว้นแต่เป็นกรณีที่กฎหมายยกเว้นให้ไม่ต้องแจ้ง) ในกรณีนี้ท่านสามารถสอบถามและขอให้บริษัทเปิดเผยแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ 

(4) สิทธิในการขอรับ และขอให้บริษัทโอนย้าย หรือส่งต่อข้อมูลของท่านไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ในกรณีที่บริษัทมีการปรับให้ข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้โดยอุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถส่งต่อได้โดยวิธีการอัตโนมัติ 

ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตัวท่านจากบริษัทได้ ในกรณีที่บริษัทได้ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่โดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้    

(5) สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล 

ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบริษัทได้ ในกรณีต่อไปนี้  

1) การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นการเก็บรวบรวมได้โดยได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมเนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน) 

2) กรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง 

เมื่อบริษัทได้รับแจ้งความประสงค์ในการใช้สิทธิดังกล่าวจากท่าน บริษัทจะทำการแยกข้อมูลของเจ้าของข้อมูลออกจากข้อมูลอื่นๆ ทันที อย่างไรก็ตามบริษัทขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธคำขอใช้สิทธิดังกล่าวของท่าน ในกรณีที่บริษัทสามารถพิสูจน์ได้ว่า การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมเนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทนั้นมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือ เป็นไปเพื่อการก่อตั้งสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย 

(6) สิทธิในการขอให้บริษัททำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเคยได้ให้ไว้กับบริษัทกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถใช้ระบุตัวตนได้ 

ท่านสามารถแจ้งให้บริษัททำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และ/หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ไว้กลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้ ในกรณีดังต่อไปนี้ 

1) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตามวัตถุประสงค์ 

2) เมื่อท่านถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และบริษัทไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น 

3) เมื่อท่านใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล และบริษัทไม่มีเหตุผลที่จะใช้ปฏิเสธคำขอได้ หรือ 

4) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย 

เมื่อบริษัทได้รับแจ้งความประสงค์ในการใช้สิทธิดังกล่าวจากท่าน บริษัทจะพิจารณาคำขอของท่านเพื่อดำเนินการที่เหมาะสมต่อไปทั้งนี้ภายในไม่เกิน 30 (สามสิบ) วัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอดังกล่าว อย่างไรก็ตามบริษัทขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธคำขอใช้สิทธิดังกล่าวของท่าน หากบริษัทมีความจำเป็นและสิทธิตามกฎหมายที่จะปฏิเสธคำขอดังกล่าวได้ 

(7) สิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน 

ท่านสามารถแจ้งให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลของท่านได้ทันที ในกรณีดังต่อไปนี้ 

1) เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วน หรือปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลนั้นให้เป็นข้อมูลปัจจุบันตามคำขอของท่าน 

2) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอาจถูกลบ หรือทำลายได้ แต่ท่านแจ้งขอให้ระงับการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลนั้น แทนการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล 

3) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลนั้นแล้ว แต่ท่านมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ 

4) เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการพิจารณาการใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล 

เมื่อบริษัทได้รับแจ้งความประสงค์ในการใช้สิทธิดังกล่าวจากท่าน บริษัทจะพิจารณาคำขอของท่านเพื่อดำเนินการที่เหมาะสมต่อไปทั้งนี้ภายในไม่เกิน 30 (สามสิบ) วัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอดังกล่าว อย่างไรก็ตามบริษัทขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธคำขอใช้สิทธิดังกล่าวของท่าน หากบริษัทมีความจำเป็นและสิทธิตามกฎหมายที่จะปฏิเสธคำขอดังกล่าวได้ 

(8) สิทธิในการขอให้บริษัทปรับปรุงข้อมูลของท่านให้ถูกต้อง ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ และเป็นข้อมูลที่ตรงตามสภาพปัจจุบัน 

ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัท หรือที่บริษัทได้เก็บรวบรวมไว้ หากยังอยู่ภายในระยะเวลาจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลตาม[หนังสือแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล]  ท่านสามารถแจ้งให้บริษัทดำเนินการแก้ไข ปรับปรุงข้อมูลของท่านได้ทุกเมื่อ 

(9) สิทธิในการร้องเรียนในกรณีที่พบว่ามีการฝ่าฝืนข้อกำหนดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 

หากท่านพบว่ามีการดำเนินการใดๆ ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถแจ้งการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องนั้นมายังบริษัท และ/หรือ หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องได้

ในกรณีที่ท่านประสงค์จะใช้สิทธิใดๆ ดังปรากฏข้างต้น ท่านสามารถติดต่อแจ้งความประสงค์ของท่านมายังบริษัทได้ทุกเมื่อ ตามรายละเอียดช่องทางการติดต่อที่สะดวกสำหรับท่านตามที่ระบุในหัวข้อ “การติดต่อบริษัท”

4. การติดต่อบริษัท

ท่านสามารถติดต่อแจ้งความประสงค์ของท่านต่อบริษัทเพื่อใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ได้ที่ ศูนย์บริการ Call Center 1756