ช่วงนี้ฝนก็ยังตกหนักและตกบ่อย บางพื้นที่ก็มีน้ำท่วมขัง แต่เราจะละเลยน้ำขังพวกนี้ไม่ได้เลยนะคะ เพราะโรคร้ายที่จะตามมาจากน้ำท่วมนั้นน่ากลัวกว่าที่คิด ทางที่ดีหาทางเลี่ยงน้ำท่วมได้ก็ดี หรือไม่เดินลุยน้ำท่วม โดยการสวมรองเท้าบูทก็เป็นการป้องกันที่ดี และมาดูกันว่าถ้าเราเสี่ยงที่ต้องอยู่กับน้ำท่วมขัง เราจะเสี่ยงกับโรคอะไรบ้าง?
โรคน้ำกัดเท้า (Eczema หรือ Dermatitis)
โรคนี้เกิดจากการย่ำน้ำหรือแช่น้ำที่มีเชื้อโรคหรืออับชื้นจากเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายที่ไม่สะอาดเป็นเวลานาน โดยจะมีอาการเท้าเปื่อย เป็นหนอง และเริ่มคันตามซอกนิ้วเท้า ผิวหนังลอกเป็นขุย จากนั้นผิวหนังจะพุพอง นิ้วเท้าหนาและแตก มีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนคือผิวหนังอักเสบ ป้องกันได้ด้วยการเช็ดเท้าให้แห้ง หากมีบาดแผลควรใช้แอลกอฮอล์เช็ดแล้วทาด้วยยาฆ่าเชื้อ
โรคตาแดง (Conjunctivitis)
เกิดจากเชื้อไวรัส ถึงจะสามารถหายได้เอง แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้ หลังได้รับเชื้อ 1-2 วัน เริ่มมีอาการระคายเคืองตา ปวดตา น้ำตาไหล กลัวแสง มีขี้ตามาก หนังตาบวม เยื่อบุตาขาวอักเสบแดง สามารถหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์ แต่ถ้าไม่ดูแลรักษาให้ถูกวิธีอาจเกิดอาการแทรกซ้อนได้ เช่น กระจกตาดำอักเสบ ทำให้ปวดตา เมื่อตาโดนน้ำสกปรก ควรรีบล้างด้วยน้ำสะอาดทันที และไม่ควรขยี้ตาบ่อยๆ เพราะจะทำให้เชื้อแพร่กระจาย
โรคฉี่หนู หรือโรคเลปโตสไปโรซิส (Leptospirosis)
เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน มีหนูเป็นตัวแพร่โรคที่สำคัญ เชื้อออกมากับปัสสาวะสัตว์แล้วปนเปื้อนในน้ำท่วมขัง โดยโรคนี้จะติดต่อทางบาดแผล รอยขีดข่วน หรือไชเข้าตามเยื่อบุตา จมูก ปาก หรือผิวหนังที่แช่น้ำนานๆ อาการหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 4 – 10 วัน จะมีไข้สูงทันที ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง และศีรษะมาก บางรายมีอาการตาแดง เจ็บคอ เบื่ออาหาร ท้องเดินร่วมด้วย จำเป็นต้องรีบพบแพทย์ หากปล่อยไว้นานอาจถึงขั้นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และเสียชีวิตได้ อย่างไรก็ตามสามารถป้องกันได้โดยสมรองเท้าบูทยางกันน้ำ ทำความสะอาดที่พักไม่ให้เป็นแหล่งอาศัยของหนู
โรคไข้เลือดออก (Dengue Fever)
โรคที่มียุงลายเป็นพาหะพบได้ทุกวัยในทุกพื้นที่ มีอาการไข้สูงตลอดทั้งวัน หน้าแดง เกิดจุดแดงๆ เล็กๆ ตามลำตัว ต่อมาไข้จะลดลง ซึ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะอาจเกิดอาการรุนแรง มีความผิดปกติ เช่น ถ่ายดำ ไอปนเลือด เกิดภาวะช็อคและเสียชีวิตได้ ทั้งนี้การรักษาห้ามใช้ยาแอสไพริน และระวังไม่ให้ถูกยุงกัด
โรคหัด (Measles)
เป็นโรคที่พบได้ในเด็กเล็ก เกิดจากเชื้อไวรัส เป็นโรคที่อาจทำให้เสียชีวิตได้จากโรคแทรกซ้อน ติดต่อกันได้ง่ายผ่านการ ไอ จาม หลังติดเชื้อภายใน 8-12 วัน เริ่มมีอาการไข้ น้ำมูกไหล ไอ ตาแดง ตาแฉะ ช่วง 1-2 วันแรก ไข้จะสูงขึ้น และจะสูงเต็มที่ในวันที่ 4 เมื่อมีผื่นขึ้น ผื่นมีลักษณะนูนแดง ติดกันเป็นปื้น ๆ โดยจะขึ้นที่ใบหน้า บริเวณชิดขอบผม แล้วแพร่กระจายไปตามลำตัว แขน ขา วิธีป้องกัน คือ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด รักษาสุขอนามัย ความสะอาด และหลีกเลี่ยงไม่สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย
โรคไข้มาลาเรีย (Malaria)
อีกหนึ่งโรคติดต่อที่มียุงเป็นพาหะ ไข้มาลาเรียเกิดจากเชื้อโปรโตซัวที่อยู่ในตัวยุงก้นปล่องเพศเมีย โดยหากโดนยุงก้นปล่องที่มีเชื้อมาลาเรียกัด ยุงจะปล่อยเชื้อมาลาเรียเข้ากระแสเลือด อาการเบื้องต้นมีไข้ต่ำ ๆ คล้ายไข้หวัด ต่อมาจะมีไข้สูง ตัวร้อนจัด ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัวและกล้ามเนื้อ อาจจะมีอาการหนาวสั่นสลับร้อนจนเหงื่อออก มีอาการคลื่นไส้ พอหายไข้แล้วแต่กลับมาเป็นไข้ใหม่อีกครั้ง วิธีป้องกัน วรสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาวอย่างมิดชิดป้องกันยุงกัด ใช้ยากันยุงชนิดโลชั่นหรือสเปรย์ฉีดผิวหนังทุก ๆ 3-4 ชั่วโมง โดยเฉพาะในช่วงเวลาตอนกลางคืน ซึ่งเป็นช่วงที่ยุงก้นปล่องออกหากิน
ทางที่ดีถ้าเราเลี่ยงไม่ได้เพราะบ้านอยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมก็ควรมีรองเท้าบูทติดบ้านไว้ เพื่อเป็นการป้องการเท้าสัมผัสน้ำโดยตรง และหั่นป้องกันยุงด้วยวิธีต่างๆ อย่างรัดกุม ดูแลสุขภาพร่างกายให้ดีก่อนที่โรคร้ายจะมาเยือนโดยไม่รู้ตัวนะคะ
ใครที่อยากได้รองเท้าบูทหรืออุปกรณ์กันยุงก็สามารถไปหาซื้อได้ที่บิ๊กซีทุกสาขาหรือจะสั่งซื้อออนไลน์ คลิก
***นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติมที่คุณสามารถเลือกสรรค์กันได้เหมือนไปเดินอยู่ในห้างบิ๊กซีเพียงแค่ คลิก คุณช้อปได้ทันทีที่คุณต้องการทุกที่ทุกเวลา***
