เชฟส์เทเบิ้ล คืออะไร กินตามใจเชฟ อร่อยฟินเเน่นอน

Big C > ไลฟ์สไตล์ฟอร์ยู > เชฟส์เทเบิ้ล คืออะไร กินตามใจเชฟ อร่อยฟินเเน่นอน

เบื่อไหมที่แต่ละมื้อต้องมาคอยนั่งคิดว่า “วันนี้จะกินอะไรดี?” เดี๋ยวจึงมีวัฒนธรรมการกินแบบใหม่ “กินตาม(ใจ)เชฟ” หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “เชฟส์เทเบิ้ล (Chef’s Table)” เชื่อว่าหลายคนต้องเคยได้ยินคำ ๆ นี้อย่างแน่นอน แต่มีใครรู้บ้างคะ ว่าเชฟส์เทเบิ้ลจริง ๆ แล้ว คืออะไร มีที่มาอย่างไร ทำไมอยู่ ๆ ถึงต้องไปกินตามใจเชฟเขาด้วย ดังนั้น เรามาเรียนรู้และหาคำตอบนั้นไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

ทำความรู้จักเชฟส์เทเบิ้ล

เชฟส์เทเบิ้ล (Chef’s Table) แปลตรงตัวคือ โต๊ะของเชฟ มีลักษณะคล้ายโอมากาเสะ ที่จะจัดโต๊ะหันหน้าเข้าเคาน์เตอร์และกินอาหารตามแต่ที่เชฟจัดมาให้ เพียงแต่เชฟส์เทเบิ้ลจะนั่งกินอาหารกันที่โต๊ะยาวหน้าครัวเปิด อาจจะเป็นที่ร้านหรือบ้านเชฟ โดยที่จะกินอาหารตามใจเชฟ พูดง่าย ๆ คือแล้วแต่เชฟจะจัดอะไรมาให้กิน โดยเชฟก็จะอธิบายส่วนประกอบ แรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดเมนูนี้ขึ้นมา โดยเมนูเชฟส์เทเบิ้ลสามารถเป็นอะไรก็ได้ เท่าที่ศักยภาพและจินตนาการของเชฟจะทำได้ โดยผู้ร่วมวงแค่แจ้งงบต่อหัว หรือบางที่จะมีแจ้งราคาคอร์สมาเลยก็ได้เช่นกัน หรือสามารถบอกแนวอาหารที่ต้องการ เพื่อให้เชฟออกแบบคอร์สมาให้ ที่สำคัญ อย่าลืมแจ้งอาหารที่แพ้ เพื่อที่เชฟจะเลี่ยงอาหารที่คุณแพ้ และจัดเตรียมอาหารอย่างอื่นเผื่อให้ล่วงหน้า

ที่มาของเชฟส์เทเบิ้ล

หากย้อนกลับไปในอดีต เรามักจะเห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในส่วนของหลังบ้าน ที่แต่ละคนก็มีหน้าที่ที่จะประกอบร่างอาหารแต่ละอาหารเพื่อพร้อมที่จะส่งตรงเสิร์ฟออกไปยังหน้าบ้านให้สมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งผู้กินไม่สามารถรู้ได้เลยว่าใครเป็นผู้ทำให้ ไม่เคยเห็นกระบวนการก่อนจะเป็นอาหารจานโปรด

แต่เมื่อเวลาผ่านไป บริบทภายในห้องครัวก็เปลี่ยนตามไปด้วย จากภาพเดิม ๆ ที่เห็นภายในครัวที่แสนจะวุ่นวายและยุ่งเหยิง จากคนเบื้องหลังก็ขยับออกมาสู่เบื้องหน้าให้ได้เห็นหน้าค่าตากัน พยายามสร้างสตอรี่การกินและเนรมิตเมนูต่าง ๆ ที่บอกเล่าเรียงร้อยเรื่องราวของแต่ละเมนูอาหาร ที่ปลายทางไม่ได้แค่เพียงได้สัมผัสแต่รสชาติและหน้าตาของอาหารอีกต่อไป แต่ยังได้ซึมซับไปถึงแรงบันดาลใจและความตั้งใจที่จะก่อร่าง สร้างเมนูขึ้นมา เพื่อลูกค้าคนพิเศษ รวมไปถึงกระบวนการกว่าจะมาเป็นเมนูอาหาร 1 จาน ให้ได้ดูกันไปแบบสด ๆ

จากเส้นแบ่งคั่นตรงกลางระหว่างห้องครัวและโต๊ะกินข้าวค่อย ๆ หายไป จนกลืนเกิดเป็นวัฒนธรรมใหม่ขึ้น เพราะอย่างที่เขาว่าการทำอาหารก็ไม่ต่างอะไรกับการสร้างสรรค์งานศิลปะ ที่มีเชฟเป็นศิลปิน ที่จะใช้อาวุธอย่างเครื่องครัว พร้อมแต่งแต้มจินตนาการ วาดลวงลายให้เกิดเป็นศิลปะ โดยมีลูกค้าเป็นผู้เสพงานศิลปะ และจากนั้นเชฟถ่ายทอดจิตวิญญาณ แรงบันดาลใจ และทักษะจากประสบการณ์ ผ่านทางเมนูจานอาหาร

ความแปลกใหม่ของเชฟส์เทเบิ้ล

นอกจากการกินตาม(ใจ)เชฟแล้ว เสน่ห์ของเชฟส์เทเบิ้ลอีกอย่างก็คือ การบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านเมนูจานอาหารที่เชฟรังสรรค์ขึ้น โดยแต่ละเมนูนั้นจะมีความพิเศษทั้งในเรื่องของวัตถุดิบและเรื่องราวมากมาย อีกทั้งการกินแบบเชฟส์เทเบิ้ลยังจำกัดเพียงแค่ 1 โต๊ะเท่านั้น เพื่อที่เชฟจะสามารถดึงเอารสชาติอาหารของเมนูสุดพิเศษนี้ออกมาได้อย่างเต็มที่

บอกได้เลยว่าเชฟส์เทเบิ้ลก็ไม่ต่างอะไรกับการผสมผสานของศาสตร์การทำอาหารและศิลปะออกมาได้อย่างลงตัว และยังสามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มากินได้อีกด้วย วัฒนธรรมการกินที่เปลี่ยนไป ไม่ได้ทำให้คุณค่าการทำอาหารเปลี่ยนตาม แต่กลับยกระดับให้ศิลปินได้บรรเลงลวดลาย สร้างสรรค์งานศิลปะเช่นอาหารได้อย่างน่าประทับใจขึ้นด้วย

ติดตามข้อมูลข่าวสาร โปรโมชั่นพิเศษ ได้ที่

Facebook : Big C

Line Official : Big C TH

บทความที่นาสนใจ : Big C Blog

บิ๊กซี ออนไลน์ : Big C Shopping Online



แชร์เรื่องราว